ต่อแต่นี้สืบไป ประชาชนมีหน้าที่สมัครเข้าเกณฑ์ทหาร ผู้ที่ไม่มีพันธะจะต้องเข้าร่วมสงคราม ผู้ที่สภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยต่อการเข้าร่วมสงครามจะต้องช่วยสนับสนุนยุทโธปกรณ์ การขนส่ง และทรัพยากรที่จำเป็นการต่อการสงคราม หรืออาสาเข้าทำงานในสถานพยาบาล เยาวชนที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์จะต้องช่วยเหลือในการทำวัสดุเพื่อสร้างสิ่งของที่จำเป็น ผู้สูงอายุต้องซ่อมเคหะสถานของตนเพื่อให้ทหารสามารถใช้พักแรมได้เสมอ ประชาชนทุกหมู่เหล่าต้องช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังเพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่เหล่าทหารผู้รับใช้ชาติ

สิ่งก่อสร้างสาธารณะจะถูกใช้งานเป็นค่ายทหารและสถานที่ผลิตยุทโธปกรณ์ 

ประชาชนต้องมอบอาวุธให้แก่ทหารที่กำลังต่อสู้อยู่ ณ บริเวณนั้น 

ประชาชนต้องมอบม้าที่ถูกผึกแล้วให้แก่ทหารม้าที่กำลังต่อสู้ ส่วนม้าที่ใช้งานในไร่นา ท่านต้องมอบให้เพื่อใช้ลากปืนใหญ่และขนเสบียง

กองทัพเป็นผู้ประเมินความต้องการเพื่ออนุมัติการผลิตอาวุธทุกประเภทที่จำเป็น ช่างฝีมือและคนงานต้องทำงานเพื่อการผลิตของกองทัพ 

ผู้แทนราษฎรในแต่ละท้องที่มีหน้าที่หนุนนำการใช้กฏหมายนี้

ห้ามมิให้ผู้ใดสับเปลี่ยนหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายกับผู้อื่นเป็นอันขาด เจ้าหน้าที่ต้องประจำการอยู่ในสถานที่ที่ตนได้รับมอบหมายเท่านั้น

ผู้ปกครองเมืองหรือเขตต่างๆ ต้องฝึกฝนประชาชนในเขตของตนให้พร้อมสำหรับการเรียกระดมพลเสมอ ฝึกซ้อมและออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน

ผู้แทนราษฎรต้องรวบรวมกำลังคนพร้อมต่อสู้ได้ในท้องถิ่นของตนเป็นกองพันทหารอาสา เพื่อไปถึงจุดรวมพลให้รวดเร็วที่สุดพร้อมเสบียงและยุทโธปกรณ์

จุดรวมพลจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์และระยะทางที่กำลังคนจะมาสมทบได้สะดวกที่สุด

กองพันทหารอาสาแต่ละภูมิภาคจะรวมพลภายใต้ธงแห่งจักรวรรดิ

กองพันทหารอาสาจะรวมพลตามคำสั่ง ได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงเท่ากับทหารประจำการในแนวหน้า

เกษตรกร เจ้าของพื้นที่กสิกรรมต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตให้ได้เท่าจำนวนที่กำหนด โดยส่งมาในรูปของธัญพืชให้แก่ผู้ปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อทำการจัดส่งให้กองทัพต่อไป

หากมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง จะได้รับทราบผ่านทางผู้ประกาศของทางกองทัพเท่านั้น